บล็อกเกอร์นี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้เข้าเยื่ยมชมและได้ศึกษาในรายวิชา







วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

เวลาเพื่อสุขภาพ

การมีสุขภาพดี นอกจากเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์แล้ว การดูแลร่างกายในแต่ละวันตามเวลาที่เหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กันแล้วเวลาใดต้องทำอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
05.0007.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะตื่นนอน ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายจะค่อย ๆ ขับเคลื่อนการทำงานขึ้นทีละน้อย หลอดเลือดหดตัวแคบลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นฮอร์โมนหลายชนิดทั่วร่างกายจะหลั่งออกมา
07.0010.00 น. ระบบของอวัยวะทั่วทุกส่วนเริ่มตื่นสู่การทำงาน ร่างกายต้องการอาหารเช้าที่ดีและมีคุณค่าทางโภชนาการโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายได้รับเข้าไปจะถูกเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว หากรับประทานยาแก้ปวดหลังอาหารเช้ายาจะออกฤทธิ์ระงับปวดได้ดีส่วนการออกกำลังกายตอนเช้าสามารถทำได้แต่อย่าหักโหมเพราะอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันจนถึงขั้นหัวใจวายได้
10.0012.00  . ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 11.00 จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของระบบการทำงานของหัวใจและการไหลเวียนของเลือดความสามารถในการเรียนรู้ด้านการคิดและการพูดก็จะมีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างล้นเหลือ ทำให้รู้สึกมีสมาธิและมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ
12.0014.00 น. เป็นเวลาพักกลางวัน ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะค่อยๆ ลดลง ซึ่งพอดีกับเวลาที่จะต้องรับประทานอาหารกลางวันเพื่อเติมพลังอีกครั้ง และในช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานอยู่นี้ หากได้งีบหลับสัก 15 นาที หรือเดินเล่นสักพักในที่ที่มี อากาศปลอดโปร่งจะช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
14.0017.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ร่างกายจะกลับฟื้นคืนมาใหม่ ผิวพรรณจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้นและมีเหงื่อออกง่ายกว่าช่วงอื่นๆ หากไปรักษาฟันในช่วงเวลานี้จะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าช่วงอื่นๆ เนื่องจากฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินจะหลั่งออกมามาก จึงช่วยกดความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องบำบัดทางกายภาพอีกด้วย
17.0020.00 น. เป็นช่วงเวลาสบายๆ ความกระตือรือร้นของระบบทำงานภายในร่างกายจะค่อยๆ ถดถอยลง อีกทั้งอุณหภูมิความร้อนในร่างกายก็จะลดลงด้วย ประมาณ 17.00 ประสาทรับรู้กลิ่นและรสชาติของอาหารจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปฏิกิริยาต่อความเครียดจะไม่ค่อยมี และสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โรคปวดข้อหรือโรคภูมิแพ้ เวลา 19.00 จะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรับประทาน ยาเพื่อบำบัดรักษาอาการดังกล่าว
20.0022.00 น. เป็นเวลาแห่งความรู้สึก ในช่วงเวลานี้ปฏิกิริยาของร่างกายอาจมีความไวต่อสิ่งเร้า อีกทั้งประสาทสัมผัสยังเปิดรับรสสัมผัสที่อ่อนโยน เสียงเพลงที่แว่วหวานและกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาปลุกเร้าอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าในช่วงเวลาอื่น ๆ
22.0001.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรรับประทานอาหาร เพราะการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายกำลังจะเข้าสู่ความสงบนิ่ง ส่วนระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายยังคงทำหน้าที่ต่อไป ด้วยเหตุนี้เชื้อโรค ของเสียและสารพิษจะถูกจัดการลำเลียงไปทำลายที่ตับ และทุกๆ ค่ำคืนเซลล์เนื้อเยื่อและเซลล์ผิวต่างๆ ก็จะถูกซ่อมแซมให้กลับฟื้นตัวแข็งแรงขึ้นหรืออาจมีการสร้างเสริมขึ้นใหม่
01.0005.00 น. เป็นช่วงเวลาของการหลับลึก และเป็นเวลาที่จะฝัน นอกจากนั้นการทำหน้าที่ของตับในการขจัดสารพิษ เช่น แอลกอฮอล์ก็จะมาถึงจุดสูงสุด สำหรับใครที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ช่วงเวลานี้ก็จะมีอันตรายสูงสุดเช่นกันเพราะ80% ของผู้ป่วยอาการจะกำเริบในช่วงนี้ ฉะนั้นจะต้อง ตระเตรียมสเปรย์หรือยาฉีดขยายหลอดลมเอาไว้ใกล้ๆ ตัว พอใกล้รุ่งเช้าเส้นเลือดใต้ผิวก็เริ่มจะหดตัวลงอีกครั้ง อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น และแล้ว กลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายจะค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทำงานต้อนรับเช้าวันใหม่อีกครั้ง ดังนั้นเราจึงควรพักผ่อนเป็นเวลา ทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อที่ร่างกายเราจะได้ทำงานได้อย่างเต็มที่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น